Skip to content

ดอกไม้ในความทรงจำ

ความหวัง…

เป็นเวลากว่า 10 ชั่วโมงที่ฉันและพ่อนั่งรอที่หน้าห้องผ่าตัดอย่างมีความหวัง

เวลาเช่นนี้“ความหวัง” ดูเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่เราพอจะนึกออก

เพราะ “แม่ต้องรอด”

แม้ว่าความหวังนั้นจะริบหรี่ก็ตามเราก็ยังมีหวังในหัวใจ…

10…9…8…7…6…5…4…3…2..1…0…

การจากลาตลอดกาล

                        จดหมายถึงแม่บุปผา

                        10.10.18เวลา 16.00 น.

แม่จ๋ายากเหลือเกินที่บุษจะสามารถยอมรับได้ว่าแม่ได้จากบุษไปแล้วจริงๆ

ค่ำคืนที่แสนเจ็บปวดของบุษ พี่บัน พี่บูและพ่อมาถึงเร็วเกินกว่าที่เราจะเตรียมตัวเตรียมใจได้

                        พวกเรารักและคิดถึงแม่มากนะคะ

ปล. พวกเราจะดูแลพ่อเองแม่ไม่ต้องห่วง

ฉันกลับมาที่บ้านเพื่อเก็บข้าวของและเตรียมเสื้อผ้าที่ดีและสวยงามที่สุดให้กับแม่ มันเป็นชุดสุดท้ายที่ฉันจะได้เตรียมให้แม่ด้วยตัวเอง ส่วนพ่อแยกไปจัดการเรื่องสถานที่ที่วัด สภาพจิตใจที่แสนจะเปราะบางของเราทั้งสองคนนั้นคงจะน่าเป็นห่วงไม่น้อย ทำให้ญาติๆ ทั้งลุงป้าน้าอาเข้ามาช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด

                ฉันเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้แม่ เพราะตลอด 21 ปีที่แม่ดูแลฉันมานั้นหนักหนาสุดๆ สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนนี้เงินที่มีติดตัว 5,000 บาทถูกเจียดไปซื้อชุดให้แม่อย่างเต็มใจ หลังจากที่จัดแจงเรื่องเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วฉันจึงส่งข้อความสอบถามพี่ชายและพี่สาวที่อยู่กันคนละจังหวัดว่าจะเดินทางมาถึงบ้านกี่โมง

                ครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวขนาดกลางๆ ประกอบไปด้วย 5 ชีวิต อันมีพ่อแม่ พี่สาว พี่ชาย และฉัน พี่สาวของฉันเป็นพยาบาลอยู่โรงพยาบาลรัฐในต่างจังหวัด กลับบ้านเดือนละ 1-2 ครั้ง หรือไม่ได้กลับเลยในบางเดือน ส่วนพี่ชายเป็นวิศวกรในโรงงานญี่ปุ่นแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้าง ส่วนฉันน้องคนสุดท้องกำลังจะเรียนจบอีกไม่กี่เดือน

                ตลอดชีวิตฉันใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่มาตลอด สนิทกับพี่น้องทุกคน ด้วยความเป็นน้องเล็กจึงดูเหมือนใครๆ ก็รักและเอาใจ อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ฉันจึงเป็นคนที่เอาแต่ใจมาก ทั้งๆ ที่ทุกอย่างก็เหมือนจะดีแต่เด็กขี้น้อยใจอย่างฉันก็มักทำเรื่องให้พ่อแม่ต้องปวดหัวอยู่เสมอ

                แม่ของฉันเป็นแม่บ้านที่ทำงานทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้รับความสะดวกเมื่อกลับบ้าน เมื่อก่อนฉันเคยอายเพื่อนเหมือนกันนะที่แม่เป็นแค่แม่บ้าน แม่บ้านที่ชอบทำอาหาร ปลูกผัก จัดดอกไม้ ไม่ได้ทำงานดีๆ มีเกียรติเหมือนพ่อแม่คนอื่นๆ เวลาประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนทีไร ฉันจะขอให้พ่อไปแทนแม่เสมอ หรืองานวันแม่ที่โรงเรียนฉันก็จะขอให้พ่อไปแทน ส่วนแม่ก็ปล่อยให้ทำงานบ้านไปละกัน

                แม่ เป็นผู้หญิงที่ใจดีมากที่สุดและใจร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยรู้จัก เพราะถ้าแม่โหเมื่อไหร่ สิ่งที่แม่ถือไว้ในมือจะเป็นอาวุธของแม่ขึ้นมาทันที แม่เคยใช้ไม้แขวนเสื้อฟาดเข้าที่ขาของฉันจนเป็นรอยแดงนูนขึ้นมา เรื่องที่ทำให้ถูกทำโทษก็มักจะเป็นเรื่องเดิมๆ คือ เถลไถลไม่ยอมกลับบ้านตรงเวลา

                ฉันดูเป็นลูกที่ไม่ดีไม่น่ารักในสายตาของใครมากมาย แต่สำหรับแม่ฉันคงเหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆ ล่ะสิท่า เพราะถึงแม่จะโกรธหรือโมโหฉันแค่ไหน แต่สายตาที่แม่มองมาที่ฉันคือแววตาแห่งความรักความเอ็นดูไม่มีใครเทียบแม้แต่ชื่อของแม่และลูกๆ ก็มีความหมายเหมือนกันคือแปลว่าดอกไม้

                จนมาวันนึง วันที่ฉันได้ใช้เวลากับแม่มากขึ้น ทำให้ช่วงหลังๆ ความสัมพันธ์ของฉันกับแม่ดีขึ้นมาก เราชอบทำอาหารด้วยกัน ทานข้าวด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เพราะที่บ้านเหลือฉันกับแม่แค่ 2 คน พ่อไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ ส่วนพี่ๆ นานทีถึงจะกลับบ้าน

                วันอังคารที่ 9 ตุลาฯ แม่บอกกับฉันว่าจะไปจ่ายตลาด แต่แม่ไปนานมาก นานผิดปกติ และฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อที่กำลังจะเดินทางกลับบ้านว่าตอนนี้แม่อยู่ที่โรงพยาบาล ในใจที่คิดได้ในชั่วโมงนั้นคือ “แม่ไปที่โรงพยาบาลทำไม?”

                2 ชั่วโมงต่อมา

                เราสองคนพ่อลูกยืนอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยหัวใจที่อ่อนแอ แต่พ่อก็ยังยืนเป็นเสาหลักให้ฉันเสมอ

เผชิญความจริง

                “ในโลกแห่งความเป็นจริงสิ่งที่เราทุกคนต้องเผชิญคือการจากลา จากเป็นหรือจากตายก็คงหลีกไม่พ้นสักคนเดียว” คำพูดช้าๆ เนิบๆ เชิงปลอบประโลมจากคุณตาที่ส่งมาให้ฉันพร้อมสายตาที่แสนห่วงใย

ทุกคนเดินทางมาพร้อมหน้าพร้อมตากัน สีหน้าที่เศร้าหมองของทุกคนเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าแม่มีคนที่รักและห่วงหาอยู่ ฉันในฐานะที่เป็นลูกที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ในใจก็อยากจะตอบแทนแม่ผู้ให้กำเนิดและอุ้มชูฉันมาตลอด อย่างในวาระสุดท้ายเช่นนี้ฉันอยากจะทำอะไรสักอย่างให้แม่ ฉันขอทำให้แม่อย่างดีที่สุด ดี่ที่สุดเท่าที่กำลังของฉันจะมี

วันนี้มีผู้คนเดินทางมาหาแม่มากมาย ที่เคยเข้าใจว่าแม่เป็นแม่บ้านธรรมดาๆ คนหนึ่งนั้นผิดไปถนัด เพื่อนสมัยเรียของแม่ที่เดินทางมาพร้อมพวงหรีดดอกไม้ เพื่อนบ้านของเรา ลุงป้าแม่ค้าพ่อค้าในตลาด เพื่อนๆ ที่ทำงานของพี่ๆ เพื่อนๆ สมัยเรียนทั้งม.ปลายและมหาวิทยาลัยของฉัน

อย่างที่เคยบอกไปว่าแม่เป็นคนที่ใจดี แม่มีน้ำใจแบ่งปันทุกคน รอยยิ้มที่เป็นมิตรของแม่ คำพูดที่ไม่เคยว่าร้ายใคร ทำให้ใครๆ ก็รักแม่ แม่ไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันเคยคิด ไม่ใช่แม่บ้านที่อยู่บ้านเพราะขี้เกียจทำงาน ไม่ใช่แม่บ้านที่โลกแคบไม่สังคมกับใครอย่างที่ฉันหลงผิดคิดไปอีกแล้ว

เพราะแม่คือผู้หญิงที่น่ารักและมีน้ำใจมากที่สุดคนหนึ่งนั่นเอง

                ฉันนั่งคิดอยู่นานว่าสิ่งที่แม่รักและแม่ชอบคืออะไรกันนะ

                สายตาพลันมองไปที่กรอบรูปของแม่และก็เหมือนจะมีคำตอบลอยมาเบาๆ ในสายลม “ดอกไม้” ใช่แม่ชอบดอกไม้ ดอกไม้คือชีวิตจิตใจของแม่สิ่งหนึ่งที่ครอบครัวของเรามีเหมือนกันคือ เราชอบปลูกต้นไม้ และทุกคนจะมีดอกไม้ที่ชอบอยู่ในใจคนละชนิด สองชนิด

                ดอกไม้ที่แม่ชอบและอยู่ในความทรงจำของครอบครัวเรามีหลายชนิดมาก ที่แน่ๆ คือ ดอกเบญจมาศ ดอกกุหลาบสีแดง ลิลลี่สีขาว กล้วยไม้ ฯ

                คิดได้ดังนั้น ฉันจึงเดินตามหาพี่สาวจนทั่วงานเพื่อจะปรึกษาเรื่องดอกไม้ที่จะนำมาประดับตกแต่งในงาน ในที่สุดฉันก็เจอพี่สาวจนได้ เราสองคนเห็นตรงกันว่า “ดอกไม้ของแม่” ควรจะเป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความรักความอบอุ่นความห่วงหาอาลัยที่ทุกคนมีต่อแม่

ไม่นานเราเดินทางไปยังร้านขายดอกไม้ร้านหนึ่ง พนักงานจัดหาดอกไม้ พวงหรีด ตามที่เราสั่งได้อย่างครบถ้วน พร้อมกับมาจัดการให้ถึงหน้างาน ฉันและพี่สาวคอยดูความเรียบร้อยด้วยใจจดจ่อ ภาพในงานมีสีสันที่ฉันคิดว่าแม่คงจะชอบไม่น้อย เพราะหัวใจที่เปี่ยมด้วยรักของพวกเราที่มีให้แม่นั้นมากมายมหาศาล

บุปผาผกามาศแสนสดใส                        แทนหทัยดวงหนึ่งคนึงหา

เบญจมาศแทนความจริงแทนสัจจา                  ว่ากายามีวันเสื่อมวันสูญไป

กล้วยไม้หอมแทนคิดถึงคะนึงหา               ทุกบุปผาคือสัญญาไม่จางหาย

อย่างกุหลาบแทนรักไม่เสื่อมคลาย                    คือความหมายบุษบามาร้อยใจ

ภายในงานนั้นมีดอกไม้สวยงาม และพวงหรีดที่รายล้อมเต็มไปหมด และพวงหรีดเหล่านี้ที่ช่วยให้คลายความเคร้าไปได้มากที่เดียว